ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กิฟฟารีน มะรุม-ซี Giffarine Marum-C ลดความดัน ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด

 


กิฟฟารีน มะรุม-ซี

          กิฟฟารีน มะรุม-ซี “มะรุม” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นอาหารอยู่ในหลายประเทศ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lamk มะรุมมีชื่อเรียกต่างๆ คือ “Drum stick tree” “Horse radish tree” “Kelor tree” ส่วนต่างๆ ที่ใช้รับประทานคือ ใบ ผล ดอก และฝักอ่อน สำหรับในประเทศไทยนิยมใช้ฝักมะรุมปรุงอาหารในรูปของแกงส้ม แกงอ่อม



กิฟฟารีน มะรุม ซี มีสารสกัดจาก “มะรุม” ( Moringa) ขึ้นชื่อว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ทั้งทางด้านคุณค่าของสารอาหารนั้นได้รับการยอมรับจากหลายประเทศว่า เป็นสุดยอดของอาหารเพื่อสุขภาพมาก เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญมากมาย อย่างโปรตีนและแคลเซียมในมะรุมมีสูงกว่านมสดและโยเกิร์ต มะรุมมีวิตามินเอมากกว่าแครอท 3-4 เท่า มีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 7 เท่า และมีโพแทสเซียมมากกว่ากล้วย 3 เท่า ในมะรุมยังมีเส้นใยอาหารสูงมาก แคลอรีต่ำ และมีกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้อยู่ครบถ้วน

         ดังนั้น มะรุมจึงมีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาโรคได้อย่างไม่มีข้อกังขาแน่นอน ในทางการแพทย์มะรุมมีสรรพคุณ-ประโยชน์ช่วยเสริมสร้างให้ระบบภูมิคุ้มกันมีความแข็งแรงขึ้น และเหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ รวมทั้งสามารถควบคุมโรคความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี

          การใช้ประโยชน์ทางยา พบว่า เกือบจะทุกๆ ส่วนของต้นมะรุมมีการนำไปใช้ทางยาในแถบเอเชียใต้ ส่วนที่ใช้คือ ราก เปลือกต้น กัม (Gum) ใบ ผล (ฝัก) ดอก เมล็ด และน้ำมันจากเมล็ด (อ้างอิงที่ 1) ในตำรายาพื้นบ้านใช้ใบมะรุมพอกแผลช่วยห้ามเลือด ทำให้นอนหลับ เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ และช่วยแก้ไข้ ใช้ส่วนดอกและผลเป็นยาบำรุง ขับปัสสาวะ และแก้ไข้ ใช้ส่วนเมล็ดบดพอกแก้ปวดข้อตามข้อ และแก้ไข้ (อ้างอิงที่ 2) มีรายงานกล่าวถึงการนำพืชนี้มาใช้เป็นยาครอบจักรวาล (Panacea) (อ้างอิงที่ 3)

          ในภาพรวมของข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการวิจัยในระดับเซลล์และสัตว์ทดลองพบว่า มะรุมมีฤทธิ์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น ฤทธิ์ลดความดันโลหิต ต้านการเกิดเนื้องอก ต้านมะเร็งลดระดับโคเรสเตอรอล ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ป้องกันตับอักเสบ ต้านออกซิเดชัน ต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดระดับน้ำตาล และฤทธิ์ต้านการอักเสบ

 



สำหรับงานวิจัยที่น่าสนใจในสัตว์ทดลองมีโดยย่อดังนี้

 ➡ ฤทธิ์ลดความดันโลหิต
สารสกัดน้ำและเอทานอลของใบมะรุม สารสกัดเอทานอลของผลและฝัก สารในกลุ่ม Glycosides ในสารสกัดเมทานอลของฝักแห้งและเมล็ด แสดงฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสุนัขและหนูแรท

➡ ฤทธิ์ต้านการเกิดเนื้องอกและฤทธิ์ต้านมะเร็ง
สาระสำคัญในกลุ่ม Thiocarbamate จากใบ สารสกัดเอทานอลของเมล็ดแสดงฤทธิ์ทั้งยับยั้งการเจริญเติบโต และทำลายเซลล์มะเร็ง เมื่อป้อนสารสกัดของผลและฝักขนาด 5 มก./กก. น้ำหนักตัว มีผลลดจำนวนหนูเม้าส์ที่เป็นมะเร็งผิวหนังได้

 ฤทธิ์ลดระดับโคเลสเตอรอล
สารสกัดน้ำของส่วนใบ มีผลลดระดับโคเลสเตอรอลและลดการเกิด Plaque ในหลอดเลือดของหนูแรทและกระต่ายซึ่งได้รับอาหารชนิดที่มีไขมันสูง การทดสอบโดยให้กระต่ายที่มีระดับโคเลสเตอรอลสูงและกระต่ายปกติ โดยให้กินผลมะรุมขนาด 200 มก./กก. น้ำหนักตัวต่อวัน นาน 120 วัน เปรียบเทียบกับยาลดไขมันโลวาสแตทิน 6 มก./กก. น้ำหนักตัวต่อวัน และให้อาหารไขมันมาก พบว่ามีผลลดระดับโคเลสเตอรอล, Phospholipids, Triglycerides, Low density lipoprotein (LDL), Very low density lipoprotein (VLDL), อัตราส่วนระหว่างโคเลสเตอรอลและ phospholipids และ atherogenic index ในกระต่ายกลุ่มแรกได้

➡ ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
สารสกัดเมทานอลของใบ และสารสกัดเมทานอลจากส่วนดอก สามารถยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหารของหนุแรท ซึ่งถูกเหนี่ยวนำโดยแอสไพรินได้ ในขณะที่สารสกัดน้ำจากใบมีผลป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารด้วย

 ฤทธิ์ป้องกันตับอักเสบ
สารสกัด 80 % เอทานอลจากใบ สารสกัดน้ำและสารสกัดเอทานอลจากดอก มีฤทธิ์ป้องกันการทำลายเซลล์ตับหนูแรทที่ได้รับ Acetaminophen (ยาพาราเซตามอล) และสารสกัดน้ำจากส่วนราก แสดงฤทธิ์ป้องกันการทำลายเซลล์ตับหนูแรทจากการเหนี่ยวนำโดยยาไรแฟมพิซิน

 ฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน
สารสกัดน้ำ สารสกัด 80 % เมทานอล และสารสกัด 70 % เอทานอลจากส่วนใบผลแห้งบดหยาบและสารสกัดน้ำจากเมล็ด และสารในกลุ่ม Phenol จากส่วนรากสามารถต้านและกำจัดอนุมูลอิสระได้

 ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
น้ำคั้นสดของใบ สารประกอบคล้าย Pterygospermin ของดอก สารสกัดอะซีโตนและสารสกัดเอทานอลจากเมล็ด สารสกัดน้ำจากเมล็ด น้ำคั้นจากเปลือกต้น สารสกัดเอทานอลของเปลือกราก และสาร athomin จากเปลือกราก มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังมีการใช้สารสกัดน้ำมันจากเมล็ด ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้กับตา โดยพบว่าใช้ได้ดีกับ Pyodermia ในหนูเม้าส์ ที่มีสาเหตุมาจาก Staphylo – coccus aureus

 ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาล
ผงใบแห้ง สารสกัด 95% เอทานอล และเถ้าจากเปลือกต้น มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูแรทปกติ และหูที่เป็นเบาหวาน ส่วนสารสกัดเมทานอลจากเปลือกรากแสดงฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในหนูเม้าส์

 ฤทธิ์ต้านการอักเสบ
ชาชงน้ำร้อน และสารสกัดเมทานอลจากราก มีฤทธิ์ยับยั้งอาการบวมที่อุ้งเท้าหลังของหนูแรทและหนูเม้าส์ ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยคาราจีแนน ในขณะที่เมล็ดแก่สีเขียว สารสกัดเอทานอลจากเมล็ดแห้ง และสารสกัดเอทานอลจากเมล็ดมีผลลดการอักเสบของทางเดินหายใจในหนูตะเภา ซึ่งยืนยันถึงการใช้มะรุมในทางพื้นบ้าน เพื่อบำบัดอาการผิดปกติจากภูมิแพ้ เช่น หอบหืด สารสกัดเอทานอลจากเมล็ด สามารถลดการบวมของอุ้งเท้าบริเวณข้อของหนูแรท และพบว่าสารสกัดมะรุมมีผลลด Oxidative Stress ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฤทธิ์ต้านการอักเสบด้วย (อ้างอิงที่ 2)

นอกจากฤทธิ์ดังกล่าวข้างต้น มีงานวิจัยจากต่างประเทศหลายงานวิจัยรองรับว่ามะรุมมีสารอาหารต่างๆ มากมาย เช่น เป็นแหล่งของโปรตีน มีวิตามิน เบต้าแคโรทีน กรดอะมิโน อีกทั้งยังเป็นแหล่ง ของแคลเซียม เหล็ก และสังกะสี (อ้างอิงที่ 4-6) นอกจากนี้แล้ว ยังพบว่ามะรุมมีสาร Polyphenol ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระด้วย (อ้างอิงที่ 7)

สำหรับความเป็นพิษของใบมะรุมนั้น มีการรายงานความเป็นพิษเฉียบพลัน (Acute Toxicity) ของมะรุมในระดับสัตว์ทดลองว่า ผงใบมะรุมขนาด 5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่ทำให้เกิดพิษเฉียบพลัน (อ้างอิงที่ 8) หรืออาจจะเปรียบเทียบได้ว่า น้ำหนักตัวที่ 50 กิโลกรัม การได้รับผงใบมะรุมขนาด 25 กรัม ไม่ทำให้เกิดพิษเฉียบพลัน

 ความปลอดภัยของการรับประทานมะรุม

          การรับประทานมะรุมทั้งส่วนใบ ฝัก และเมล็ดค่อนข้างปลอดภัยหากรับประทานเป็นอาหารในปริมาณที่เหมาะสม แต่ไม่ควรรับประทานรากและสารสกัดจากรากของต้นมะรุมเพราะอาจมีสารพิษซึ่งเป็นสาเหตุของอัมพาตหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และยังมีข้อมูลไม่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยหากรับประทานมะรุมเพื่อเป็นยารักษาโรค

          เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในราก เปลือก และดอกของมะรุมอาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ อาจทำให้มดลูกหดตัวและเป็นสาเหตุให้แท้ง อีกทั้งงานวิจัยบางชิ้นได้แนะนำว่าการรับประทานมะรุมในช่วงนี้อาจทำให้คุณแม่ผลิตน้ำนมออกมามาก แต่ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการรับประทานมะรุมในช่วงนี้ ทางที่ดีจึงไม่ควรรับประทานมะรุมหากกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร

✅ ข้อแนะนำในการรับประทาน
แม้ว่าจะเป็นที่นิยมรับประทานกันมาเป็นเวลานาน หรือเป็นอาหารสุขภาพที่นิยมรับประทานกันในคนไทยมาร่วมปีแล้ว แต่เนื่องจากมะรุมยังไม่มีงานวิจัยความเป็นพิษระยะยาวในสัตว์ทดลอง คำแนะนำคือ ควรมีระยะเวลาพักในการรับประทานบ้าง คือ อาจจะไม่รับประทานต่อเนื่องทุกวัน ควรมีระยะพักต่อเดือนประมาณ 5-7 วัน



 

 ข้อห้ามสำหรับผู้ที่จะรับประทานมะรุม
เด็ก และสตรีมีครรภ์ เป็นข้อห้ามสำหรับสมุนไพรทุกชนิดอยู่แล้ว

ผู้ป่วยโรคเลือด จีซิกพีดี (G6PD) (โรคเลือดอื่นๆ ไม่ได้ห้าม) โรคนี้จะห้ามรับประทานถั่วปากอ้า ซึ่งในมะรุมมีสารบางชนิดคล้ายในถั่วปากอ้าจึงควรห้ามรับประทานไปด้วย

สตรีที่อาจจะตั้งครรภ์ หรือมีศักยภาพที่จะตั้งครรภ์ เช่น อยู่ในวัยและไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิด เป็นต้น เพราะมีงานวิจัยว่า ในปริมาณที่สูงทำให้เกิดการแท้งในหนูทดลองได้

ผู้ป่วยโรค ตับ ตับอักเสบ หรือตับแข็ง เป็นข้อห้ามสำหรับสมุนไพรทุกชนิดอยู่แล้ว

ผู้ที่รับประทานยาต้านไวรัสเอชไอวี เพราะอาจจะมีผลรบกวนระดับยาได้

ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และเป็นแนวทางที่จะช่วยในการตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์มะรุมต่างๆ เพื่อดูแลสุขภาพ ป้องกันหรือรักษาโรค ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบพืชสด แห้ง เป็นแคปซูล หรือ เป็นสารสกัด

กิฟฟารีน มะรุม-ซี Giffarine Marum-C

มะรุม-ซี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใบมะรุมผสมวิตามินซี ชนิดแคปซูล ตรา กิฟฟาริน
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล :
ใบมะรุมชนิดผง 80.22 % 450 มก.
กรดแอสคอร์บิก 2.67% 15 มก. (ให้วิตามินซี 15 มก.)

อย.13-1-03440-1-0105

วิธีรับประทาน : รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค

รหัสสินค้า: 41019
ปริมาณสุทธิ : 60.00 แคปซูล
ราคาปกติ: 280 บาท

วิธีการสมัครสมาชิกกับเรา แบบง่ายๆ หรือจะสั่งซื้อสินค้ากับเรา


1. สมัครได้ที่ศูนย์กิฟฟารีนใกล้บ้านท่าน โดนนำชื่อและระหัสผู้แนะนำไปกรอก

(สรรเสริญ ศรีวารีรัตน์ รหัส 57111144)
หรือจะนำรหัสของผมได้ซื้อเองที่สำนักงาน หรือจะสั่งทางออนไลน์ได้เลยนะครับ

2.สมัครผ่านทางเวปนี้ได้เลย  ได้ที่นี่...คลิกเลย 
      โทร 063-9263628
Line ID :popandgung
Email :sansroen.s@gmail.com
หรือ คลิก สมัครกิฟฟารีน ออนไลน์ คลิ๊กที่นี่ (ให้ทางเราสมัครให้ครับ)
     เป็นเพื่อนกับเราได้ที่...ติดต่อทางเฟสบุ๊ค

 


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญจะภูตะ กิฟฟารีนเครื่องดื่มน้ำสมุนไพร........ดื่มทุกวัน ได้ประโยชน์ดีดีทุกวัน

ปัณจะ ภูตะ เครื่องดื่มน้ำสมุนไพร 100% 39ชนิด  คัดสรรสมุนไพรทรงคุณค่าอย่างพิถีพิถัน 39 ชนิด สมุนไพรที่เด่นในพลังหยิน 20 ชนิด สมุนไพรที่เด่นในพลัง หยาง 19 ชนิด  สมดุล ของธาตุทั้ง 5 สมดุลของ หยิน  – หยาง ทำให้ทุกสรรพสิ่งบนโลกดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุข เมื่อสมดุล ก็ ไม่ป่วย แข็งแรง มีความสำเร็จ มีความสุข ​ ปํญจะ ภูตะ สุดยอดสมุนไพร 39 ชนิด  ดูดซับพลังงานจากจักรวาล สะสมพลังในรูป หยิน-หยาง บางชนิดเด่นในพลัง ‘หยิน’ บางชนิดเด่นในพลัง ‘หยาง’ สร้างสมดุลชีวิต ​ ด้วยสุดยอดสมุนไพร 39 ชนิด เพื่อผลลัพธ์มหัศจรรย์ต่อสุขภาพ  และคุณภาพชีวิต อย่างไม่เคยมีมาก่อน ‘จิตสดใส กายแข็งแรง โรคร้ายหายขาด’   สมุนไพรธรรมชาติ 39 ชนิด   ถูกคัดสรรอย่างพิถีพิถัน โดยทีมแพทย์ผู้เขี่ยวชาญ เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ เย็น   14 ชนิด  ฤทธิ์เย็นกลาง 6 ชนิด  ฤทธิ์อุ่น 13 ชนิด  และฤทธิ์ร้อน 6 ชนิด นำมาผลิตภายใต้มาตรฐาน GMP  ผ่านการตรวจวิเคราะห์แล้วว่า  ปลอดเชื้อโรค  ปลอดสารพิษ ปลอดโลหะหนัก  จึงปลอดภัย 100 %  และได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อ.ย.อย่างถูกต้อง ปัณจะ ภูตะเครื่องดื่มน้ำสมุนไพร............... ปัณจะ ภูตะ สุดยอดสมุนไพรอันทรง

กิฟฟารีน "ซูปรา วิต" วิตามินรวม Supraa Vit Giffarine ที่ร่างกายคนเราขาดไม่ได้

ซูปรา วิต – เอ็ม สำหรับผู้ชาย "ช่วยลดความผิดปกติและความเสื่อมของเซลล์  มีงานวิจัยช่วยลดมะเร็งต่อมลูกหมาก  และลดความเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมากโต และโรคหัวใจ ยังยั้งการเติบโตของมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งเม็ดเลือดแดง" ในถั่วเหลืองมีสาร Isoflavone Phytoestrogens   ซึ่งช่วยในเรื่องการป้องกัน หลอดเลือด แข็งตัวได้  องค์การอาหารและยาของอเมริกา (Food and Drug Administration, FDA ) และสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกา (American Heart Association, AHA)ได้แนะนำให้กิน โปรตีน จาก ถั่วเหลือง 25 กรัม ต่อวันและให้ โปรตีนจาก ถั่วเหลือง เป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่มี ไขมันอิ่มตัวและ โคเลสเตอรอลต่ำ ซึ่งจะลดความเสี่ยงของ โรคหัวใจ และ หลอดเลือด นอกจากนี้แล้วการรับประทานอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองซึ่งมีไอโซฟลาโวน เป็นส่วนประกอบและมีสูตรโครงสร้างคล้ายเอสโตรเจนอย่างสม่ำเสมอ อาจจะเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและอาจจะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบที่เกิดจากภาวะหมดประจำเดือนได้ วิตามิน  ได้แก่ วิตามิน A D E K B1 B2 B3 B5 B6 B9 และ B12 เป็นสารที่ร่างกายต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยต่อวัน

กิฟฟารีน แอสต้า คิว พลัส แคโรทีนอยด์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันจมูกข้าวสาลี, แอสตาแซนธิน ผสมแคโรทีนอยด์, โคเอนไซม์คิวเท็น และวิตามินดี ชนิดแคปซูล

  กิฟฟารีน แอสต้า คิว พลัส แคโรทีนอยด์      ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันจมูกข้าวสาลี, แอสตาแซนธิน ผสมแคโรทีนอยด์, โคเอนไซม์คิวเท็น และวิตามินดี ชนิดแคปซูล แอสต้า คิว มิกซ์ แคโร ออริซานอล          สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ 5 กลุ่ม 12 ชนิด ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ให้สุขภาพผิวดีสุขภาพร่างกายแข็งแรง         1.แอสตาแซนธีน มีประสิทธิภาพในการขจัดสารอนุมูลอิสระสูงมาก 1. สูงกว่า วิตามินซี 6000 เท่า 2. สูงกว่า วิตามินอี 1000 เท่า 3. สูงกว่า โคเอนไซม์คิวเท็น 800 เท่า 4. สูงกว่า สารสกัดจากชาเขียว 560 เท่า 5. สูงกว่า อัลฟาไลโปอีก 75 เท่า           2. โค เอนไซม์ คิวเท็น   สารต้านอนุมูลอิสระละลายได้ดีในไขมัน เมื่อละลายในน้ํามันจมูกข้าวในรูปแคปซูลนิ่ม 1. จะออกฤทธิ์ได้ดีกว่ารับประทาน ในรูปผงแห้งบรรจุแคปซูลถึง 300 % 2. เพิ่มพลังงานให้เซลล์อีก 300% 3. เพิ่มการต้านอนุมูลอิสระให้เซลล์อีก 300% โคเอนไซน์ คิว 10 ยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถนํา วิตามินอีที่หมดฤทธิ์ ให้กลับมามีฤทธิ์เหมือนเดิมได้อีก        3. แกมมาโอริซานอลจากน้ำมันจมูกข้าว           สารต้านอนุมูลอิสระจากข้าวในกลุ่ม โพลีฟีนอล