✅สารอาหารดูแลดวงตาระดับพรีเมี่ยม
✅ลูทีนมากถึง 10 มก.
✅เข้มข้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า
✅เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลดวงตาให้ดียิ่งขึ้นด้วย "แอสตาแซนทิน" และสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ผสานวิตามินเอ ที่มีส่วนช่วยในการคงสภาพปกติของการมองเห็นและวิตามินอีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ลูทีนและซีแซนทีน
กับโรคจอประสาทตาเสื่อมจากงานวิจัยพบว่า
☺ ลูทีน และ ซีแซนทีน ทำหน้าที่ข่วยกรองแสงสีฟ้าที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในเซลล์จอประสาทตาซึ่งเป็นสาเหตุของจอประสาทตาเสื่อม
☺ การรับประทานลูทีนที่ 10 มก. และซีแซนทีน ที่ 2 มก. ต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามาขึ้นทุกวัน
เราต้องดูแลดวงตาให้มากขึ้นเช่นกัน และจะดีกว่าแน่นอนถ้าเรามีตัวช่วยเจ๋ง ๆ
ป้องกันดวงตาอย่าง แอล ซี วิต 3 เอกซ์ กิฟฟารีน
ซี วิต 3 เอกซ์ กิฟฟารีน
สารอาหารดูแลดวงตาระดับพรีเมี่ยม ประกอบด้วย ลูทีนมากถึง 10 มก. เข้มข้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลดวงตาให้ดียิ่งขึ้นด้วยแอสตาแซนธิน และสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ ผสานวิตามินเอ ที่มีส่วนช่วยในการคงสภาพปกติของการมองเห็น และวิตามินอี ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ลูทีน
ซีแซนทีน มีงานวิจัยว่า
- ช่วยกรองแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ
ช่วยปกป้องเซลล์จอประสาทตาจากอนุมูลอิสระและแสงสีฟ้า
- ลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก
และโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
แอสตาแซนธิน
มีงานวิจัยว่า
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยทำให้มองภาพได้ชัดขึ้น
ด้วยกลไกการปรับโฟกัสของเลนส์ตา
- ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังดวงตา
ทำให้ดวงตามีสุขภาพที่ดีขึ้น
สารสกัดจากบิลเบอร์รี่
มีงานวิจัยว่า
- ช่วยชะลอการขุ่นมัวของเลนส์ตา
- ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงดวงตา
- ช่วยเพิ่มการปรับตัวในการมองเห็นในที่มืด
4 พฤติกรรม ทำร้ายดวงตา
- ใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือมากเกินไป
- ไม่สวมแว่นตากันแดด ดวงตาถูกแสง UV
ทำร้าย
- พักผ่อนไม่เพียงพอ ตาล้า มองเห็นภาพไม่ชัด
- รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
ขาดสารอาหารดูแลสายตา
หยุดพฤติกรรมทำร้ายดวงตา
- พักสายตาจากการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
- สวมแว่นกันแดด
เพื่อไม่ให้ดวงตาเผชิญแสงแดดโดยตรง
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดอาการล้าข้องสายตา
ช่วยให้มองเห็นชัดขึ้น
- รับประทานอาหาร
หรือสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา
5 สารอาหาร ดูแลสายตาระดับเทพ
1.ลูทีน ซีแซนทีน
2.แอสตาแซนธีน
3.สารสกัดจากบิลเบอร์รี่
4.วิตามินเอ
5.วิตามินอี
1. ลูทีน
ซีแซนธีน แคโรทีนอยด์ที่พบที่จะดรับภาพของตา
- ปกป้องเซลล์จอประสาทตา
- ช่วยกรองแสงสีฟ้า
- ลดการเกิดโรคต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อม
- ช่วยให้มองเห็นภาพได้ชัดขึ้น
2. แอสตาแซนธีน สารสกัดจากสาหร่ายสีแดงสายพันธ์ Haematococcus Pluvialis
- ทำให้มองเห็นภาพชัด
- ลดความเมื่อยล้าของดวงตา
- เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังดวงตา
3. สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ มีแอนโทไซยานิน (Anthocyanin)
- ช่วยให้จอตาเป็นปกติ
- ชะลอการขุนมัวของเลนส์ตา
- ทำให้เส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงดวงตาแข็งแรง
- ช่วยการมองเห็นในที่มืด
- ลดอาการล้างของดวงตา
4. วิตามินเอ
- คงสภาพปกติของการมองเห็น
- คงสภาพปกติของเยื่อบุต่าง ๆ
- ช่วยในการมองเห็นในที่มืด
5. วิตามินอี
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยในการพัฒนาของเซลล์ประสาท
ในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนจ้องจออยู่ตลอดเวลา แต่เราเคยรู้มั้ยว่า
เวลาเราเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ นั้น
มีแสงสีฟ้ากำลังเข้าไปทำลายดวงตาเราอยู่วันนี้เรามีตัวช่วยดี ๆ มาบอกนะครับ
▬▬▬▬▬▬▬▬
Q: ตอนนี้ผมมีอาชีพเป็นช่างภาพ และนักตัดต่อวีดีโอ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานก็จะเป็นกล้องถ่ายรูปละคอมพิวเตอร์ซึ่งมักจะใช้สายตามากกว่า
12 ชั่วโมงต่อวัน บางวันแทบไม่ได้นอนเลยก็มี
ผมจึงอยากเริ่มต้นดูแลดวงตา พอจะมีคำแนะนำบ้างมั้ยครับ
A: แสงสีฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ต่าง
ๆ เป็นคลื่นพลังงานสูง
หากเราจ้องมองเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
โดยโรคนี้มักจะพบในผู้สูงอายุซึ่งมีสาเหตุมาจากเซลล์ประสาทตาเสื่อมถอยตามอายุ
แต่ในปัจจะบันคนอายุน้อยก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกันค่ะ ดังนั้น
ดูแลดวงตาจากอาหารหลักเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ
จึงขอแนะนำผลิตภัณธฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของ ลูทีน ซีแซนทีน เป็นต้น ทางเลือกที่ดีในการดูแลดวงตานั่นเอง
▬▬▬▬▬▬▬▬
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1
แคปซูล:
บำรุงสายตา ประกอบด้วย ลูทีนมากถึง 10 มก. เข้มข้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า
เพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นด้วยแอสตาแซนธิน และสารสกัดจากบิลเบอร์รี่
ผสานวิตามินเอ และวิตามินอี ดูแลดวงตาระดับเทพ
ด้วยสารอาหารถึง 5 ชนิด ด้วยสารสกัดจาก แอสตาแซนธิน สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ วิตามินเอ
และวิตามินอี มากกว่าสูตรอื่นถึง 3 เท่า
แอสตาแซนธีน มีงานวิจัยว่า
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
-ช่วยทำให้มองภาพได้ชัดขึ้น
ด้วยกลไกการปรับโฟกัสของเลนส์ตา
- ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังดวงตา
ทำให้ดวงตามีสุขภาพที่ดีขึ้น
สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ มีงานวิจัยว่า
-
ช่วยชะลอการขุ่นมัวของเลนส์ตา
-
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดอยที่ไปเลี้ยงดวงตา
-
ช่วยเพิ่มการปรับตัวในการมองเห็นในที่มืด
เรื่องน่ารู้ของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา
ดวงตาทาหน้าที่เป็นอวัยวะรับความรู้สึกด้านการมองเห็น
ถ้าเรานอนวันละ 6 ชั่วโมงนั่นคือเราใช้ดวงตาวันละ 18 ชั่วโมง เดือนละ 540 ชั่วโมง ปีละ 6480 ชั่วโมง
โดยเฉพาะในปัจจุบัน
เราใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
อ่านหนังสือหรือใช้สายตาในที่แสงน้อย หรือ สัมผัสแสงอาทิตย์และแสงยูวีปริมาณมาก
ดังนั้น
อาการเสื่อมถอยของสุขภาพตาจึงหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่สามารถชะลอได้
หากเรารู้วิธีการป้องกัน และรู้จักสารอาหารที่จะเข้าไปฟื้นฟูสภาพหรือบารุงเซลล์ต่างๆ
ภายในดวงตา (อ้างอิง 1) ตัวอย่างของสารอาหารดังกล่าว ได้แก่
1. ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin)
ลูทีน และซีแซนทีน
เป็นสารประกอบที่จัดอยู่ในกลุ่มของแคโรทีนอยด์
ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารประกอบทั้งสองนี้ได้ จาเป็นต้องได้รับจากอาหาร และเป็นแคโรทีนอยด์ 2 ชนิดเท่านั้นที่พบอยู่ที่จุดรับภาพของลูกตา (Macula) และที่เลนส์ของตา
ทั้งคู่ทาหน้าที่ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทาลายโดยการลดอนุมูลอิสระและกรองแสงสีน้าเงินที่จะทาลายดวงตา
มีประโยชน์ในโรคที่เกี่ยวกับดวงตาที่สาคัญคือ โรคต้อกระจก (Age-related cataract, ARC) และโรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-related macular degeneration, AMD) และยังอาจช่วยเพิ่มเรื่องการมองภาพให้เห็นชัดขึ้น (อ้างอิงที่ 2,3)
โรคต้อกระจก คือภาวะที่กระจกตา และเลนส์ตาขุ่น
ทาให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาได้ ต้อกระจกไม่ใช่โรคติดต่อ
ต้อกระจกจะค่อยๆขุ่นไปอย่างช้าๆ ใช้เวลาเป็นปีๆ และสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด
กลไกของลูทีนและซีแซนทีน สามารถลด ป้องกัน หรือชะลอการเกิดต้อกระจกได้นั้น
เป็นเพราะความสามารถในการช่วยกรองแสง UV และแสงสีฟ้า
ต้านอนุมูลอิสระ และลดความเสียหายที่เกิดจากแสงที่ไปกระตุ้นการออกซิเดชั่นของโปรตีนหรือไขมันในเลนส์ตา
(อ้างอิงที่ 3) การวิจัยที่ Harvard School of Public
Health, Boston ในกลุ่มผู้ชาย 36,644 คน ที่ได้รับอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ
พบว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมเป็น ลูทีน และซีแซนทีน จะลดความเสี่ยงของต้อกระจกถึง 19% (อ้างอิงที่ 4)
และที่ University of Massachusetts ทาวิจัยในกลุ่มผู้หญิง 50,461 คน พบว่า ลูทีน และซีแซนทีน
จะลดความเสี่ยงของต้อกระจกถึง 22%
(อ้างอิงที่ 5) การวิจัยที่ University of Wisconsin
Madison Medical School ในคน 1,354 คน พบว่าช่วยลดอุบัติการณ์ของต้อกระจกที่เกิดตรงกลางเลนส์ (Nuclear Cataracts) ได้ถึง 50% (อ้างอิงที่ 6) จากการวิจัยทั้งหมดนี้
จึงเป็นที่ยอมรับว่า
ลูทีนและซีแซนทีน ลดอุบัติการณ์โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุได้จริง
โรคจอประสาทตาเสื่อม จอประสาทตา (retina) เป็นส่วนที่อยู่บริเวณหลังสุดของตา เมื่อใช้สายตามองดูสิ่งของ แสงที่กระทบสิ่งของจะสะท้อนผ่านเข้ามายังจอประสาทตา
จอประสาทตาจะเปลี่ยนแสงให้อยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้าแล้วส่งผ่านเส้นประสาทตา
(optic nerve) ไปยังสมอง ที่จอประสาทตานี้ จะมีบริเวณที่ไวที่สุดของจอประสาทตา
เรียกชื่อว่า แมคูลา ลูเทีย (macula
lutea)
แมคูลานี้จะประกอบไปด้วยเซลล์รับแสงนับล้านๆเซลล์ที่ช่วยการมองภาพที่คมชัดตรงส่วนกลางของภาพ
โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคซึ่งเกิดที่บริเวณ แมคูลา ลูเทีย (macula lutea)
กล่าวคือจะมีการทาลายแมคูลาไปทีละน้อยจนเกิดจากการเสื่อมของจุดรับภาพ (Macular) ทาให้การมองเห็นภาพขาดความคมชัด เบลอ บิดเบี้ยว บางครั้งอาจรุนแรงจนเห็นจุดดามาบังภาพอยู่ตลอดเวลา
เมื่อแสงผ่านเข้าสู่ตา
แสงจะผ่านกระจกตา (cornea) และ แก้วตา (lens) ทั้งนี้ กระจกตาจะสามารถกรองแสงอัลตร้าไวโอเล็ต (UV) บางส่วนไว้ได้ แสงส่วนใหญ่จะถูกส่งผ่านไปยัง จอประสาทตา (retina) และพบว่าในบรรดาคลื่นแสงที่เรามองเห็นได้นี้
คลื่นแสงสีฟ้าซึ่งมีพลังงานสูงจะมีผลเหนี่ยวนาให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ (free radical)
ในเซลล์ของจอประสาทตาได้สูงเป็น 100 เท่าของคลื่นแสงสีแดงซึ่งมีพลังงานต่า โดยที่จอประสาทตานี้
จะมีจุดโฟกัสที่เรียกว่า แมคูลา ลูเทีย (macula lutea) มีสารสี (macular pigment) ที่เป็นสีเหลืองซึ่งประกอบไปด้วย ลูทีน (lutein) และซีแซนทีน (zeaxanthin) เชื่อว่าสารประกอบทั้งสองนี้ทาหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันเพื่อป้องกันเซลล์รับแสง
(photoreceptor cells)
จากอันตรายของอนุมูลอิสระที่เซลล์สร้างขึ้นเนื่องมาจากมีปริมาณออกซิเจนสูง
(oxygen tension) และจากการถูกแสง
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสารประกอบทั้งสองนี้มีหน้าที่ในการกรองแสงสีฟ้าที่เป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูง
โดยประมาณว่าจะสามารถกรองแสงสีฟ้าลงได้ถึง 40 % ก่อนที่แสงจะตกถึงแมคูลา
ดังนั้นจะสามารถลดสภาวะความเครียดออกซิเดชันต่อจอประสาทตาได้อย่างมีนัยสาคัญ
(อ้างอิงที่ 2)
ในอดีต เมื่อปี 1994 มีการแนะนาการรับประทานลูทีน และซีแซนทีน ที่ 6 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ล่าสุด ได้มีรายงานการศึกษาจากสถาบันดวงตาแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา
โดยทาการศึกษา Age-Related Eye Disease
Study 2 หรือเรียกโดยย่อว่า AREDS2 โดยใช้ลูทีนที่ 10 มิลลิกรัม และ ซีแซนทีนที่ 2 มิลลิกรัมต่อวัน
ต่อเนื่องกันยาวนานกว่า 5 ปี ในการศึกษาโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของดวงตาเมื่ออายุมากขึ้น
(อ้างอิงที่ 7,8) มีการศึกษาสนับสนุนว่า ถ้าปริมาณลูกทีนและซีแซนทีนในลูกตาลดน้อยลง
จะพบความเสื่อมมากขึ้นในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อม (อ้างอิงที่ 9) และความเสี่ยงในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อมจะลดลง หากมีปริมาณลูทีนและซีแซนทีนในเลือดสูงขึ้น
(อ้างอิงที่ 10,11)
2. แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)
แอสตาแซนธิน
เป็นสารแคโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้เช่นกัน
ต้องได้จากการรับประทานเข้าไป ได้จากสาหร่ายสีแดงสายพันธ์ Haematococcus pluvialis มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และพบว่า มีประโยชน์ต่อดวงตา โดยพบว่า
ช่วยในเรื่อง ทาให้มองภาพได้ชัดขึ้น ด้วยกลไกช่วยการปรับโฟกัสของเลนส์ตา (Accomodation Function of Eye) (อ้างอิงที่ 12,13)
ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตา
จากการใช้งานคอมพิวเตอร์ โดย มีงานวิจัยให้ผู้ที่ทางานกับจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
จานวน 26 คน รับประทานแอสตาแซนธินวันละ 5 มก. เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าอาการตาเมื่อยล้าดีขึ้น (อ้างอิงที่ 14) และพบว่า ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังดวงตาอีกด้วย
ทาให้ดวงตามีสุขภาพที่ดี
และช่วยลดอาการล้าของดวงตาได้ (อ้างอิงที่ 15) กล่าวได้ว่าแอสต้าแซนธิน
คือสารอาหารที่เหมาะสาหรับผู้ที่ต้องใช้สายตามาก ทางานกับคอมพิวเตอร์
จ้องจอต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
3. วิตามิน เอ (Vitamin A) และวิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินเอมีส่วนช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็นวิตามินเอ และมีส่วนช่วยคงสภาพปกติของเยื่อบุต่างๆ ขณะที่วิตามินอีมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ (อ้างอิงที่ 16)
4. สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ (Bilberry Extract)
สารสกัดจากบิลเบอร์รี่มีสารสาคัญที่มีประโยชน์คือ
แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ
มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนานในด้านการบารุงดวงตา ช่วยให้จอตาเป็นปกติ
ชะลอการขุ่นมัวของเลนส์ตา เพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงดวงตา
ช่วยเพิ่มการปรับตัวในการมองในที่มืด ช่วยลดอาการล้าของดวงตาได้ (อ้างอิงที่ 17, 18)
เอกสารอ้างอิง
16. ประกาศสานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรื่อง
การแสดงข้อความกล่าวอ้างหน้าที่ของสารอาหาร.
17. Bilberry (Vaccinium
myrtillus L.). Herbal Medicine:Biomolecular and Clinical Aspects. 2nd edition.
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล
• ลูทีน 5% 200 มก. (ให้ลูทีน 10 มก.)
• แอสตาแซนธิน 2.5%จากฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิสสกัด 80 มก.(ให้แอสตาแซนธิน 2 มก.)
• ซีแซนทีน 5% 63 มก. (ให้ซีแซนทีน 3.15 มก.)
• สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ 10 มก.
• ดีแอล-แอลฟา-โทโคเฟอริล แอซีเทต (50%) 6 มก. (ให้วิตามินอี 3 หน่วยสากล)
• วิตามิน เอ แอซีเทต 4.098 มก. (ให้วิตามิน เอ 1332 หน่วยสากล)
วิธีใช้ : รับประทานวันละ 1 แคปซูลหลังอาหาร
เลขทะเบียน อ.ย 1310344050020
รหัสสินค้า 41034
ปริมาณสุทธิ : 30.00 แคปซูล น้ำหนักรวม : 53.20 กรัม